คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา วุฒิสภา

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา วุฒิสภา

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เดินทางไปยังเกาะกูด โดยมี นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด นาวาโท รัฐวิชญ์ โชติสุริยกาญจน์ ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) และผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนบนเกาะกูดให้การต้อนรับ

นาวาโท รัฐวิชญ์ โชติสุริยกาญจน์ ได้ให้ข้อมูลว่า หน่วยปฏิบัติการเกาะกูดมีหน้าที่หลักในการป้องกันเขตแดนประเทศไทย โดยยึดถือตามแนวเขตแดนตามบทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958 (รับรองโดยอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982) สถานการณ์ที่ผ่านมาไม่มีการรุกล้ำอาณาเขตทางเรือ ซึ่งทหารของกัมพูชารับทราบเส้นเขตแดนนี้เป็นอย่างดี แต่เคยมีเหตุการณ์ที่กัมพูชานำโดรนเข้ามาสอดแนมพื้นที่เกาะกูด แต่ได้รับการขับไล่เรียบร้อย

นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด ได้ให้ข้อมูลว่า จากสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา และให้มีการส่งแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในเกาะกูดและเกาะกง เนื่องจากแรงงานกัมพูชาเป็นแรงงานคุณภาพสำหรับด้านการท่องเที่ยว เพราะมีความอดทน เรียนรู้งานได้เร็ว และมีทักษะด้านภาษาที่ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการเกาะกูดและเกาะกง ขาดแคลนแรงงานในส่วนนี้ ประกอบกับใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวของเกาะ จึงเกรงว่าการดูแลนักท่องเที่ยวจะไม่ทั่วถึง

สำหรับปัญหาใหญ่ของคนในพื้นที่ คือ เรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินของชาวบ้านบนเกาะกูด และปัญหาแหล่งน้ำจืดที่มีคุณภาพ ซึ่งประธานคณะกรรมาธิการรับที่จะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

Related posts